top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนThai herbs for cancer

เห็ดหลินจือกับมะเร็ง

อัปเดตเมื่อ 10 มิ.ย. 2561


เห็ดหลินจือ สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ผู้บริโภคมี อายุยืน ในฟาร์มาโคเปียจีน (Chinese Pharmacopoeia) ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย, เกี่ยวกับระบบประสาท, หลอดลมอักเสบเรื้อรัง, ร่างกายอ่อนแอ, หอบ, นอนไม่หลับ, แก้ไอ, โรคหัวใจ, ระบบย่อยอาหารไม่ดี ตับอักเสบเฉียบพลัน


ฤทธิ์ต้านมะเร็งของเห็ดหลินจือ

ญี่ปุ่นศึกษาพบว่า สารสกัดด้วยน้ำของเห็ดหลินจือมีผลทำให้หนูที่ทำให้เป็นมะเร็งมีอายุยาวขึ้น แต่การทดลองในหลอดทดลองสารสกัดเห็ดหลินจือด้วยน้ำไม่มีผลต่อเซลล์ และสารที่ออกฤทธิ์เป็นพวก polysaccharide และยังพบว่า สามารถลดพิษของยาพวกที่เป็นพิษต่อเซลล์ (cytotoxic) ด้วย สรุปว่า เห็ดหลินจือมีผลช่วยชะลออาการของมะเร็งและยืดอายุผู้ป่วยได้

มีรายงานว่ามีผู้แพ้สปอร์เห็ดหลินจือ จึงต้องระมัดระวังเรื่องการแพ้ของคนบางคนด้วย ขนาดใช้ ทำเป็นยาเม็ดให้ครั้งละ 3 เม็ด หรือทำเป็นผงให้ครั้งละ 2-4 กรัม หรือใช้เห็ดหลินจือแห้ง 10 กรัม ฝานให้เป็นชิ้นบางๆ ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ต้มเคี่ยวจนเหลือ 1 ลิตร แล้วเอาชิ้นส่วนเห็ดออกแล้วต้มให้งวดเหลือครึ่งลิตร ดื่มตลอดวัน



มีผู้ศึกษาสารเคมีในเห็ดหลินจือมากมาย แต่ที่สำคัญและพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพอจะแบ่งเป็นกลุ่มต่างได้ดังนี้ คือ

  1. กลุ่ม polysaccharide ซึ่งมีผู้พบ polysaccharide A, B, C, D, E, G, H Polysaccharide BN-3-A, B, C และ polysaccharide อื่นๆ ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์สำคัญในการต้านมะเร็ง และกระตุ้นภูมิต้านทาน ลดการอักเสบ และป้องกันอันตรายจากการฉายรังสี

  2. กลุ่ม steroids ในกลุ่มนี้จะเป็นอนุพันธุ์กลุ่ม homolanosteroid carboxyacetyl quercinic acid ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง และ ganodersterone ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของตับ

ส่วนที่ดีและให้ประโยชน์สูงสุด เพราะอุดมไปด้วยสาระสำคัญในปริมาณที่เข้มข้นกว่าส่วนอื่นของเห็ดมากถึง 20 เท่าสารสำคัญใน “สปอร์เห็ดหลินจือ” ที่มีฤทธิ์ยับยั้ง จัดการเซลล์มะเร็งได้ มีดังนี้


1. สารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อและยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้เจริญเติบโต หรือแพร่กระจายต่อไปได้รวมถึงช่วยลดการอักเสบและลดน้ำตาลในเลือด


2. สารไตรเทอร์พีน (Triterpene) พบมากในสปอร์เห็ดหลินจือที่กะเทาะผนังหุ้มแล้ว มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งโดยไม่ส่งผลกระทบกับเซลล์ปกติ อีกทั้งช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และบรรเทาอาการของโรคต่างๆได้


3. สารประกอบเยอร์มาเนียม (Germanium) เป็นสารที่พบมากในกระเทียม โสม และเห็ดหลินจือ มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มออกซิเจนในเลือด ยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้เติบโต หรือแพร่กระจายได้ อีกทั้งช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงประสาทและบำรุงสมอง


4.สารอะดีโนซีน (Adenosine) มีฤทธิ์ช่วยกำจัดสารพิษและปรับสมดุลของเลือด เป็นกำลังเสริมให้ระบบต่างๆ สามารถต้านเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เห็ดหลินจือกับการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แม้ว่าผลการศึกษาจะออกมาในเชิงบวก แต่แพทย์ด้านเคมีบำบัดติดเบรกว่าไม่ควรใช้ขณะรักษา กังขากันมานานกับ เห็ดหลินจือกับการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แม้ว่าผลการศึกษาจะออกมาในเชิงบวก แต่แพทย์ด้านเคมีบำบัดติดเบรกว่าไม่ควรใช้ขณะรักษาด้วยยาเคมีบำบัด

เห็ดหลินจือมีสารสำคัญเป็นสารกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์ เป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

นพ. กล่าวอีกว่า สำหรับการใช้เห็ดหลินจือกับผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทย เน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพเป็นหลัก เช่น การใช้เห็ดหลินจือต้มดื่มแทนน้ำ ประชาชนสามารถทำได้เอง โดยวิธีต้มง่ายๆ ใช้ดอกเห็ดหลินจือฝานบางๆประมาณ 2-3 ชิ้น ต้มในน้ำเดือดนาน 10-15 นาที ใช้ดื่มแทนน้ำได้ตลอดเวลา ให้มีรสขมบ้างเล็กน้อย สรรพคุณช่วยให้สดชื่น เสริมภูมิต้านทาน ไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

เช่นเดียวกับยาสมุนไพรอื่นๆ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งและเพิ่มภูมิต้านทานโรค ยังไปลดทอนประสิทธิภาพของยาเคมี ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งสมุนไพรรางจืดที่มีสรรพคุณล้างพิษหรือของเสียตกค้างในร่างกาย แพทย์ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษา


งานวิจัยทั่วโลกยอมรับ สรรพคุณเห็ดหลินจือรักษามะเร็ง

ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเมืองซานฟรานซิสโก พบว่าสารสกัดจากเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารไคโตไซน์ และเม็ดเลือดขาวให้ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค และมีผลช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ คณะแพทย์จึงใช้เห็ดหลินจือควบคู่การใช้ยาตัวอื่นๆ ในการรักษาโรคมะเร็งในกระดูก

ประเทศใต้หวัน ทดลองใช้เห็ดหลินจือรักษาหนูที่เป็นมะเร็ง พบว่าหนูที่ฉายรังสีและใช้เห็ดหลินจือรักษาร่วมด้วย จะมีน้ำหนักตัวที่เป็นปกติ มีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าหนูที่รักษาด้วยการฉายรังสีอย่างเดียว

ประเทศญี่ปุ่น ทดลองนำ “น้ำต้มเห็ดหลินจือ” ฉีดในตัวหนูทดลองที่เป็นมะเร็ง พบว่า “เห็ดหลินจือ” ช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้มากถึง 95-98 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งพบว่าการใช้เห็ดหลินจือควบคู่การรักษาเคมีบำบัด สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าการทำเคมีบำบัดอย่างเดียว

ประเทศจีน ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ปักกิ่งทดลองใช้เห็ดหลินจือกับหนูที่เป็นมะเร็งตับ เป็นระยะเวลาเพียง 10 วัน ผลปรากฏว่า “เห็ดหลินจือ” ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ประมาณ 95-98 เปอร์เซ็นต์ซึ่งใกล้เคียงกับผลการทดลองในประเทศญี่ปุ่น

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือที่ไม่กะเทาะผนังหุ้ม ร่างกายคนไม่สามารถย่อยผนังหุ้มได้ ทำให้จึงยังคงพบสปอร์ในอุจจาระ ฉะนั้นการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจึงต้องทำการกะเทาะผนังหุ้มก่อน เพื่อให้สารสำคัญถูกสกัดออกจากสปอร์และดูดซึมเข้าร่างกายได้ ซึ่งจะมีคุณค่าทางยาตามรายงานการวิจัยทางคลินิกหรือพรีคลินิก


วิธีรับประทานเห็ดหลินจือป้องกันโรค

1. ดอกเห็ดหลินจือฝานบาง ๆ ประมาณ 2-3 ชิ้น

2. ต้มในน้ำเดือดนาน 10-15 นาที

3. ใช้ดื่มแทนน้ำได้ตลอดเวลา จะช่วยให้สดชื่น เสริมภูมิต้านทาน และไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่ช่วงเวลาที่ร่างกายจะสามารถดูดซับสารจากเห็ดหลินจือได้ดีที่สุดนั้น ก็คือช่วงเวลาที่ท้องว่าง โดยแนะนำให้ดื่มในช่วงตื่นนอนในตอนเช้า หรือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง


เห็ดหลินจือ มีผลข้างเคียงไหม?

แม้มีงานวิจัยพบว่า การทานเห็ดหลินจือไม่มีผลข้างเคียงและไม่มีสารตกค้างที่ตับหรือไต แต่ในบางคนอาจมีอาการแพ้เห็ดได้ สังเกตได้จากเมื่อทานเข้าไปแล้วมีอาการปากแห้ง คอแห้ง และอาจมีอาการคัน ผื่นขึ้น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดท้อง เลือดกำเดาไหล หากมีอาการเช่นนี้ไม่ควรทานเห็ดหลินจืออีก

เห็ดหลินจือ กับข้อควรระวัง ใครไม่ควรทาน

ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ควรทานเห็ดหลินจือเลย เพราะอาจทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่รุนแรงกว่าเดิม เช่น

1. สตรีมีครรภ์และแม่ที่ให้นมบุตร เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอมายืนยันว่า เห็ดหลินจือมีความปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์หรือคุณแม่ที่ให้นมบุตร ดังนั้นเลี่ยงการทานเห็ดหลินจือในช่วงนี้ไปก่อนจะปลอดภัยกว่า


2. คนที่มีความดันโลหิตต่ำ เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ลดความดัน หากผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำทานเข้าไป จะทำให้ความดันยิ่งต่ำลงจนเป็นอันตรายได้


3. ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding disorder) หรือผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) เพราะการทานเห็ดหลินจือในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น


4. ผู้ป่วยที่กำลังจะผ่าตัด เพราะเห็ดหลินจือจะเพิ่มความเสี่ยงอาการเลือดออกมากขึ้น ดังนั้นก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ไม่ควรทานเห็ดหลินจือ


5. ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อของตนเอง (Autoimmune Disease) เช่น โรคลูปัส หรือ เอสแอลอี (SLE) หรือ โรคพุ่มพวง ไม่ควรใช้เห็ดหลินจือ โดย นพ.บรรเจิด ตันติวิท ผู้เขียนหนังสือ "หลินจือ กับ ข้าพเจ้า" ระบุว่า นั่นเพราะเห็ดหลินจือจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ถูกทำให้แข็งแรงขึ้นนี้จะยิ่งก่อให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายมากขึ้น


6. ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน ไม่ควรทานเห็ดหลินจือ เพราะมีแนวโน้มที่ผลจากเห็ดหลินจือจะเข้าไปลบล้างหรือขัดขวางการบำบัดด้วยยากดภูมิ

นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น แอสไพริน, ยาลดการอักเสบ NSAID, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin และ Heparin ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะเห็ดหลินจืออาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยาและอาการที่ป่วยอยู่

ดู 374 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page