top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนThai herbs for cancer

ว่านหางจระเข้กับมะเร็ง

อัปเดตเมื่อ 10 มิ.ย. 2561


ว่านหางจระเข้จัดอยู่ในพืชตระกูลลีเลี่ยม (Lilium) ซึ่งมีแหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอยู่ที่บริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ในส่วนของสายพันธุ์ของว่านหางจระเข้นั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพราะโดยรวมแล้วมีมากกว่า 300 ชนิดด้วยกัน โดยสายพันธุ์ของมันจะมีตั้งแต่สายพันธุ์ที่มีชนาดใหญ่ไปจนถึงสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้นั้นจะอยู่ที่ใบแหลมคล้ายกับเข็ม มีเนื้อที่หนา และเนื้อข้างในจะมีน้ำเมือกเหนียวอยู่

ในว่านหางจระเข้ จะมีสาร Aloe-Emodin ที่ช่วยเป็นตัวกระตุ้น Macrophage ให้ทำการกำจัดเซลล์มะเร็ง และยังมีสาร Acemannan ที่จะสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และนอกเหนือจากนี้ว่านหางจระเข้ยังสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติได้ดี ทั้งยังช่วยในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งอย่างดี





ประโยชน์ว่านหางจระเข้กับมะเร็ง


ว่านหางจระเข้กระตุ้นเม็ดเลือดขาว

ว่านหางจระเข้แบบเข้มข้นสามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาวที่อาจจะช่วยต่อสู้กับเชื้อไวรัสและเนื้องอกได้ ว่านหางจระเข้ประกอบไปด้วยโปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามิน เอ บี 12 และอี กรดไขมันที่จำเป็น และมีวิตามินซีมาก ซึ่งช่วยบำรุงเส้นโลหิต และช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น นอกจากนี้น้ำว่านหางจระเข้ยังเป็นสิ่งที่ล้างพิษร่างกายได้ดีเยี่ยม จากกระเพาะ ตับ ไต ตับอ่อน กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้

การดื่มน้ำว่านหางจระเข้ทุกวัน อาจช่วยลดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคหัวใจและโรคไตและไม่พบผลร้ายแม้จะให้ในปริมาณมาก ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางราย ยังพบว่าว่านหางจระเข้ดูเหมือนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ พบพละกำลัง และอาจจะช่วยลดอาการเม็ดเลือดต่ำจากการทำคีโม หรือฉายแสง


โรคมะเร็งปากมดลูก

อาการตกขาว ที่มักเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงทุกคน หากเป็นอาการตกขาว ที่ผิดปกติ ก็อาจจะเป็นสาเหตุนำไปสู่ การเเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ หากคุณมีอาการตกขาวเรื้อรัง แล้วไม่รีบรักษา ก็อาจจะพบความเสี่ยง ของการเกิดมะเร็งปากมดลูก มากยิ่งขึ้น

แต่ว่าคุณสามารถ ใช้ว่านหางจระเข้ ช่วยได้ โดยการนำเหง้า ของว่านหางจระเข้ มาต้มแล้วรับประทาน หากทานเป็นประจำ จะมีส่วนที่สามารถช่วยให้ อาการตกขาวหายได้ และ คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงเจอกับ โรคมะเร็งปากมดลูก อีกด้วย


โรคมะเร็งลำไส้

อาการท้องผูก ที่เป็นสาเหตุของการนำไปสู่ โรคมะเร็งลำไส้ได้ หากคุณไม่ต้องการ เป็นโรคมะเร็งลำไส้ เมื่อมีอาการท้องผูก หรือ รับประทานอาหาร ที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ และ ถ้าหากคุณ รับประทานอาหาร เข้าไปเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะทำให้แน่นท้อง อาหารย่อยยาก

หากไม่อยากมีอาการเช่นนี้ ก็ควรใช้สมุนไพร อย่างว่านหางจระเข้ช่วย เพราะในเนื้อว่านหางจระเข้ สามารถช่วยย่อยอาหารได้ดี จึงทำให้ มีส่วนช่วยในการลด อาการท้องผูก และ ไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ ได้


โรคมะเร็งผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนัง ที่อาจเกิดจาก การที่ต้องเผชิญกับแสงแดด เป็นเวลานานๆ หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับแสงแดด ให้ใช้ตัวช่วย อย่างว่านหางจระเข้ได้ เพราะว่า ว่านหางจระเข้ สามารถช่วยให้ผิวของคุณ ไม่ดำคล้ำ หรือ ไหม้ เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด

โดยการนำว่านหางจระเข้ มาทาลงบนผิว จะมีส่วนช่วยในการป้องกันแสงแดด ได้ดี ทำให้ผิวหนังไม่โดนรังสียูวี ที่เป็นสาเหตุของการเกิด โรคมะเร็งผิวหนัง ได้

สารที่อยู่ในว่านหางจระเข้ที่มีชื่อว่า Aloctin A เป็นสารที่สามารถรักษาโรคหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็ง โรคผิวหนัง หรือแม้แต่รักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้เช่นกัน


วิธีการใช้ว่านหางจระเข้ รักษามะเร็ง

-100gr น้ำว่านหางจระเข้

-500gr วอลนัทพื้นดิน

-300gr น้ำผึ้งอินทรีย์

*ผสมให้เข้ากันส่วนผสมและส่วนผสมจากผลกินมันหนึ่งช้อนชาครึ่งชั่วโมงหลังอาหารเช้า

คุณสมบัติในการรักษาของว่านหางจระเข้ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักตั้งแต่เวลาของคลีโอพัตราอริสโตเติล Aleksander มหาราชกษัตริย์ซาโลมอนได้เป็นอย่างดี พวกเขาใช้ว่านหางจระเข้ในการปรับปรุงสุขภาพของพวกเขา

ในประเทศอินเดีย, สมุนไพรนี้มีการใช้มานานกว่า 5000 ปีเพราะคนเชื่อว่ามันจะช่วยในการรักษาวัณโรค, โรคไขข้อ, แผลในกระเพาะอาหาร, โรคทุกโรคของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงมะเร็ง


ข้อควรระวังในการใช้ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ มีข้อควรระวังในการใช้ แม้จะเป็นพืชที่ไม่มีอันตราย ใช้นำมารับประทาน หรือใช้เป็นยารักษาแผลภายนอก รวมไปถึงการประทินผิว แต่กระนั้นก็ยังมีข้อห้ามและข้อควรระมัดระวังที่ผู้ใช้ควรรู้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้


1. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ระวังการดื่มน้ำว่านหางจระเข้ที่นำเอาส่วนของวุ้นมาปั่น การดื่มจะไปกระตุ้นตับอ่อนให้มีการสร้างสารอินซูลินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ป่วยยังมีการใช้ยารักษาที่เป็นอินซูลินตามแพทย์สั่งอยู่ด้วยแล้ว การดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพิ่มเข้าไป เปรียบเสมือนกับเติมอินซูลินในร่างกายให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อกตามมาได้ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจเสียก่อน


2. ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบและโรคกระเพาะ

กรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคเหล่านี้มาก่อนแล้ว การกินวุ้นของว่านหางจระเข้ที่มีความสด จำเป็นจะต้องพิถีพิถันในการทำความสะอาด เพื่อกำจัดเอายางสีเหลืองออกให้หมด ซึ่งวุ้นที่ล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีแล้ว จะไม่มีรสขมของยาง การล้างทำความสะอาดไม่ดี รับประทานเอายางเข้าไปด้วย จะไปกระตุ้นให้การอักเสบรุนแรงขึ้น ซึ่งบางรายมีอาการอาเจียนและท้องเสียอย่างหนัก


3. ผู้ป่วยที่มีเป็นโรคริดสีดวง หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

จะต้องระมัดระวังไม่นำเอายางที่สกัดได้จากยางของว่านหางจระเข้มารับประทาน แม้จะมีสรรพคุณเป็นยา แต่เป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาดในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ ซึ่งยังรวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น การตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งลูก และอาจทำให้ลูกน้อยที่ดื่มนมแม่เกิดภาวะท้องเสียได้

ดู 1,326 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page